ประเทศไทยต้องเผชิญกับอากาศร้อนและแสงแดดจัดแทบทั้งปี ทำให้บ้านและอาคารร้อนอบอ้าว เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนัก ส่งผลกระทบต่อค่าไฟโดยตรง การติดตั้งฟิล์มติดกระจกบ้านจึงเป็นทางออกที่ดีและคุ้มค่าที่สุดในการแก้ปัญหานี้ แต่ในตลาดก็มีฟิล์มให้เลือกมากมายเหลือเกิน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมฟิล์มกรองแสง SEACLEAR จะมาไขทุกข้อสงสัย เพื่อให้คุณได้ฟิล์มติดกระจกบ้านที่ดีที่สุดสำหรับพื้นที่ของคุณกัน
รู้จักประเภทฟิล์มติดกระจกบ้าน 5 แบบ
ก่อนจะไปถึงเคล็ดลับการเลือก เรามาทำความรู้จักเทคโนโลยีหลักของฟิล์มประเภทต่าง ๆ ในตลาดกันก่อน ซึ่งหลัก ๆ แบ่งได้ 5 ประเภท ดังนี้
- ฟิล์มย้อมสี (Dyed Film) : ฟิล์มพื้นฐานราคาถูก ใช้สีในเนื้อฟิล์มดูดซับความร้อนและลดแสงจ้า กันร้อนได้ไม่มากนัก และมีข้อจำกัดคือสีซีดจางเร็ว ทำให้อายุการใช้งานสั้น
- ฟิล์มปรอท / ฟิล์มเคลือบโลหะ (Metalized Film) : ใช้การเคลือบโลหะเพื่อ “สะท้อน” ความร้อนออกจากอาคาร กันร้อนได้ดีและให้ความเป็นส่วนตัวสูงในตอนกลางวัน แต่มีข้อเสียคือเงาสะท้อนแสงรบกวนสายตา และอาจรบกวนสัญญาณ 5G หรือ Wi-Fi ได้
- ฟิล์มคาร์บอน (Carbon Film) : ใช้ผงคาร์บอนดูดซับความร้อน กันร้อนได้ดีกว่าฟิล์มย้อมสี สีเข้มทนทาน ไม่ซีดจาง และไม่รบกวนสัญญาณดิจิทัล แต่ประสิทธิภาพการกันความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (IR) ยังไม่สูงเท่าฟิล์มเซรามิก
- ฟิล์มนาโนเซรามิก (Nano-Ceramic Film) : นวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุด ใช้อนุภาคนาโนเซรามิกป้องกันรังสีอินฟราเรด (IR) ที่เป็นความร้อนโดยตรง จึงกันร้อนได้สูงสุดโดยที่ฟิล์มยังคงใสเคลียร์ ให้ทัศนวิสัยคมชัด และไม่รบกวนสัญญาณดิจิทัล 100%
- ฟิล์มนิรภัย (Safety & Security Film) : เน้นความหนาของเนื้อฟิล์มเป็นพิเศษ ช่วยยึดเกาะกระจกไม่ให้แตกกระจายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลดอันตรายและการโจรกรรม ปัจจุบันมักผสมเทคโนโลยีกันร้อนอย่างนาโนเซรามิก เพื่อให้ได้ทั้งความปลอดภัยและการกันร้อน
4 เคล็ดลับเลือกฟิล์มติดกระจกบ้านให้ตรงตามความต้องการ
มาถึงส่วนสำคัญคือการเลือกให้ตรงใจกับความต้องการของเรา ลองสำรวจดูว่าคุณให้ความสำคัญกับข้อไหนมากที่สุด
1. เน้นกันร้อนสูงสุด (ห้องที่โดนแดดเต็ม ๆ)
สำหรับห้องที่ต้องรับแดดจัดเป็นพิเศษ เช่น ห้องที่หันไปทางทิศตะวันตก หรือห้องที่มีกระจกบานใหญ่รับแสงแดดตลอดบ่าย ปัญหาความร้อนสะสมจะสูงกว่าปกติ การเลือกฟิล์มติดกระจกบ้านจึงต้องเน้นประสิทธิภาพการลดความร้อนเป็นอันดับแรก เพื่อช่วยลดอุณหภูมิในห้องให้เย็นลงอย่างชัดเจน
สิ่งที่ต้องดู
- ค่า TSER (Total Solar Energy Rejected) : หรือ “ค่าการลดความร้อนรวม” นี่คือตัวเลขที่สำคัญที่สุด ยิ่งสูงยิ่งดี หมายความว่าฟิล์มนั้นกันความร้อนได้มาก
- ค่าการป้องกันรังสีอินฟราเรด (IRR) : รังสี IR คือคลื่นความร้อนโดยตรง ฟิล์มที่กัน IR ได้สูง (เช่น 90% ขึ้นไป) จะช่วยลดความร้อนในห้องได้อย่างชัดเจน
- ฟิล์มที่แนะนำ : ฟิล์มนาโนเซรามิกคุณภาพสูง (อย่าง SEACLEAR ที่ใช้ Cesium Tungsten Oxide) หรือ ฟิล์มปรอทที่มีค่าสะท้อนแสงสูง
2. ต้องการความเป็นส่วนตัว (พรางสายตาจากภายนอก)
หากบ้านของคุณอยู่ติดถนน มีเพื่อนบ้านใกล้กัน หรือเป็นห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ การเลือกฟิล์มที่ช่วยพรางสายตาจากภายนอกในเวลากลางวัน ถือเป็นทางออกที่ดีที่จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยมากขึ้น
สิ่งที่ต้องดู
- ค่า VLT (Visible Light Transmission) : หรือ “ค่าแสงสว่างส่องผ่าน” ยิ่งค่า VLT ต่ำ ฟิล์มก็จะยิ่งมืดและทึบมากขึ้น ช่วยพรางสายตาได้ดี
- ค่า VLR (Visible Light Reflectance) : หรือ “ค่าการสะท้อนแสง” ฟิล์มปรอทจะมีค่า VLR สูง ทำให้ภายนอกมองเข้ามาเป็นกระจกเงา
- ข้อควรระวัง : ฟิล์มปรอทจะให้ความเป็นส่วนตัวเฉพาะตอนกลางวัน (ที่ข้างนอกสว่างกว่า) แต่ในเวลากลางคืน หากเราเปิดไฟในบ้าน คนข้างนอกจะมองเห็นข้างในชัดเจนทันที
3. อยากได้ฟิล์มใส กันร้อน แต่ไม่บดบังวิว
นี่คือโจทย์ยอดฮิตสำหรับบ้านยุคใหม่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมหรือบ้านที่มีวิวสวนสวย ๆ ที่เราไม่อยากให้ฟิล์มทึบ ๆ มาบดบังทัศนวิสัย แต่ก็ยังต้องการประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูง เทคโนโลยีฟิล์มในปัจจุบันสามารถตอบโจทย์นี้ได้
สิ่งที่ต้องดู
- High VLT (แสงผ่านได้มาก = ฟิล์มใส)
- High TSER (กันความร้อนได้สูง)
- ฟิล์มที่แนะนำ : ฟิล์มติดกระจกบ้านประเภท “นาโนเซรามิก” คือคำตอบเดียวสำหรับโจทย์นี้ เทคโนโลยีนี้สามารถคัดกรองเฉพาะรังสีความร้อน (IR) ออกไป โดยยอมให้แสงสว่าง (Visible Light) ผ่านเข้ามาได้ ทำให้ห้องยังคงสว่าง วิวชัดเคลียร์ แต่ไม่ร้อน
4. คำนึงถึงความปลอดภัยและสัญญาณดิจิทัล
นอกเหนือจากเรื่องความร้อนและแสงสว่างแล้ว ฟังก์ชันเสริมด้านความปลอดภัยและไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การเลือกฟิล์มติดกระจกบ้าน ควรคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้ด้วย เพื่อให้การใช้งานในระยะยาวราบรื่นที่สุด
- ความปลอดภัย : หากบ้านมีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือกังวลเรื่องการทุบกระจก การลงทุนเพิ่มเพื่อเลือกใช้ “ฟิล์มนิรภัย” (Safety Film) ที่มีความหนาเป็นพิเศษ จะช่วยยึดเกาะกระจกไว้ได้หากเกิดการแตก ป้องกันอันตรายจากเศษกระจก
- สัญญาณรบกวน : ถ้าบ้านคุณใช้ระบบ Smart Home, Wi-Fi หรือกังวลว่าสัญญาณ 5G จะดรอป ควรหลีกเลี่ยง “ฟิล์มปรอท” หรือฟิล์มเคลือบโลหะ และหันไปใช้ฟิล์มนาโนเซรามิก หรือฟิล์มคาร์บอนแทน ซึ่งจะไม่รบกวนสัญญาณเหล่านี้เลย
วิธีดูแลฟิล์มติดกระจกบ้านให้อยู่ยาวนาน
การเลือกฟิล์มคุณภาพดีเป็นเพียงจุดเริ่มต้น การดูแลรักษาที่ถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานฟิล์มติดกระจกบ้านของคุณให้ยาวนานนับ 10 ปี
- ช่วงหลังติดตั้ง (7-14 วันแรก) : หลังจากช่างติดตั้งเสร็จใหม่ ๆ ห้ามเลื่อนเปิดกระจก หรือเช็ดถูทำความสะอาดบริเวณฟิล์มโดยเด็ดขาด ควรรอให้ฟิล์มเซ็ตตัวและแห้งสนิทก่อน (อาจเห็นคราบน้ำหรือฟองอากาศเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเอง)
การทำความสะอาดปกติ
- ควรใช้ : ผ้าไมโครไฟเบอร์สะอาด หรือฟองน้ำนุ่ม ๆ
- น้ำยาที่ใช้ได้ : น้ำเปล่า น้ำสบู่อ่อน ๆ หรือน้ำยาเช็ดกระจกที่ไม่มีส่วนผสมของ “แอมโมเนีย” (Ammonia-Free)
ข้อห้ามเด็ดขาด
- ห้ามใช้ของมีคม เช่น คัตเตอร์ ใบมีด หรือวัสดุแข็งไปขูดขีดที่ผิวฟิล์ม
- ห้ามใช้สก๊อตช์ไบรต์ แปรงขนแข็ง หรือผ้าที่มีเนื้อหยาบในการเช็ด
- ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกที่มีแอมโมเนีย หรือสารเคมีรุนแรง เพราะจะทำลายชั้นเคลือบของฟิล์ม ทำให้เสื่อมสภาพเร็ว
สรุปเคล็ดลับเลือกฟิล์มติดกระจกบ้าน
การเลือกฟิล์มติดกระจกบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราต้องเข้าใจความต้องการของตัวเองเป็นอันดับแรก และสุดท้ายคือการเลือกผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญ มีการรับประกันสินค้าที่ยาวนาน และมีบริการติดตั้งที่ได้มาตรฐาน
ที่ SEACLEAR เรามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมฟิล์มนาโนเซรามิกแท้ เพื่อตอบโจทย์บ้านยุคใหม่ที่ต้องการประสิทธิภาพการกันร้อนสูงสุด โดยที่ยังคงความโปร่งใส คมชัด และไม่รบกวนสัญญาณดิจิทัล พร้อมการรับประกันคุณภาพที่ยาวนานถึง 8 ปี เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าการลงทุนครั้งนี้จะสร้างความเย็นสบายและปกป้องบ้านของคุณไปได้อย่างยาวนาน ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 085-559-1936 Facebook : seaclearbuildingfilm Line : @seaclear




